ลักษณะรูปร่างของวอฟเฟิลโดยทั่วไปในปัจจุบัน
ก็จะเห็นเป็นรอยร่องของแม่พิมพ์บนชิ้นขนม ซึ่งก็จะมีทั้งแม่พิมพ์ที่เป็นร่องตื้น
ที่ใช้ทำวอฟเฟิลชิ้นบางๆ และแม่พิม์ที่เป็นร่องลึก ที่ใช้ทำวอฟเฟิลชิ้นหนา
ซึ่งต่างจากสมัยก่อนที่กล่าวมาข้างต้นว่าวอฟเฟิลมีรูปร่างแบน ๆ
และสาเหตุที่ต้องทำแม่พิมพ์วอฟเฟิลให้เป็นร่อง
ก็เพื่อต้องการที่จะให้วอฟเฟิลนั้นสุกทั่วถึงกันทั้งชิ้น
สำหรับแม่พิมพ์วอฟเฟิลที่กล่าวมานั้นปัจจุบันก็มีการพัฒนารูปแบบมากขึ้นจากเดิมที่เราต้องนำแม่พิมพ์ไปตั้งไฟให้ร้อนก็กลายมาเป็นแม่พิมพ์ที่ใช้ไฟฟ้าแทน
ซึ่งมีผู้ได้บันทึกไว้ว่า นาย โทมัส เจฟเฟอสัน สเตเบ็ค
ได้เป็นผู้ประดิษฐ์แม่พิมพ์วอฟเฟิลไฟฟ้าเป็นคนแรกในช่วงปี คริสตศักราช 1900
– 1960
ในบ้านเราวอฟเฟิลก็ได้เป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว และจะคุ้นหูกับการเรียกขนมชนิดนี้ว่าขนมรังผึ้ง แต่ก็ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าเกิดขึ้นเมื่อใด โดยส่วนใหญ่ขนมรังผึ้งของบ้านเรา ก็จะใช้แป้งข้าวจ้าวหรือแป้งสาลี น้ำตาล ไข่ไก่และกะทิ เป็นส่วนผสมหลัก ผสมให้เข้ากันจนเนื้อเนียน แล้วนำมาราดบนพิมพ์เหล็กร่องตื้นที่ตั้งไฟให้ร้อน นอกจากนี้ยังมีการปรุงแต่งรสชาติให้ หลากหลาย โดยการเติมส่วนผสมต่าง ๆ ลงไป เช่น มะพร้าว ข้าวโพดหรือเผือก เป็นต้น และเนื่องจากรูปลักษณ์ที่สวยงาม คลาสสิก รสชาติที่กลมกล่อมหวานละมุนและกลิ่นหอมไม่เหมือนใคร ทำให้เป็นที่นิยมของใครหลายคน
ในบ้านเราวอฟเฟิลก็ได้เป็นที่รู้จักกันมานานแล้ว และจะคุ้นหูกับการเรียกขนมชนิดนี้ว่าขนมรังผึ้ง แต่ก็ไม่มีหลักฐานระบุแน่ชัดว่าเกิดขึ้นเมื่อใด โดยส่วนใหญ่ขนมรังผึ้งของบ้านเรา ก็จะใช้แป้งข้าวจ้าวหรือแป้งสาลี น้ำตาล ไข่ไก่และกะทิ เป็นส่วนผสมหลัก ผสมให้เข้ากันจนเนื้อเนียน แล้วนำมาราดบนพิมพ์เหล็กร่องตื้นที่ตั้งไฟให้ร้อน นอกจากนี้ยังมีการปรุงแต่งรสชาติให้ หลากหลาย โดยการเติมส่วนผสมต่าง ๆ ลงไป เช่น มะพร้าว ข้าวโพดหรือเผือก เป็นต้น และเนื่องจากรูปลักษณ์ที่สวยงาม คลาสสิก รสชาติที่กลมกล่อมหวานละมุนและกลิ่นหอมไม่เหมือนใคร ทำให้เป็นที่นิยมของใครหลายคน
1.1 วอฟเฟิลชนิดแป้งนุ่ม
ลักษณะเป็นแป้งข้นเหลวส่วนผสมทั่วไปก็จะมีแป้งสาลี น้ำตาล นม ไข่ไก่ใช้เทลงบนพิมพ์
ได้หลายรูปแบบทั้งแบบพิมพ์ร่องตื้นและพิมพ์ร่องลึก มีทั้งแบบสูตรนมสด
และสูตรกะทิสด รสชาติแตกต่างกันไป โดยมากนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้า
เสิร์ฟพร้อมกับน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมรสต่าง ๆ
1.2 วอฟเฟิลชนิดแป้งกรอบ ลักษณะคล้ายแป้งนุ่ม แต่เน้นที่ความกรอบของผิวหน้าและมีขนาดที่บางกว่าโดยการลดส่วนผสมของน้ำหรือนมในส่วนผสมลง
นิยมใช้ตกแต่งหรือรับประทานกับไอศกรีมหรือประกอบเข้ากับอาหารชนิดอื่น
ส่วนใหญ่รสชาติไม่เข้มข้น มักราดด้วยน้ำผึ้ง
น้ำหวาน หรือปรุงแต่งหน้าด้วยวิปปิ้งครีมหรือท็อปปิ้งอื่น
ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น